อากาศใกล้ร้อนเต็มที่ แม้ปีนี้อากาศปรวนแปรยังมีไอเย็นและละอองฝนปนเปมาตลอด แต่อุณหภูมิอบอ้าวก็ยังมาตามนัดทุกๆ ปีของฤดูคิมหันต์ คลื่นความร้อนของแท้กำลังแผ่มาแน่นอน อุณหภูมิบ้านเมืองก็พลอยรุ่มร้อนไปกับการเตรียมชุมนุม และการเสวนาอภิปรายต่างๆ ที่พร้อมใจกันต้อนรับเดือนร้อนของเมษายน
บ้าน เมืองร้อนก็ต้องแก้ด้วยการบ้านการเมือง แต่ร่างกายร้อนจิตใจร้อน เพราะอากาศรอบตัวทำให้ร้อนจนส่งผลถึงร้อนใน อ่อนเพลีย อาการแบบนี้สมุนไพรมีคำตอบ
โดย เฉพาะอาการแก้ร้อนใน ทางตำราจีนกล่าวไว้ค่อนข้างมาก สรรพคุณยาจีนบอกว่า น้ำอ้อย หรือจะเป็นส่วนลำต้นและข้อ ล้วนมีรสหวานชุ่มและเย็น ถือว่าเป็นยาเย็น ใช้แก้ร้อนใน บำรุงกระเพาะ ช่วยขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอ คอแห้ง แก้อาการร้อนรุ่มกลุ้มใจ คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก
แต่ ไม่ใช่เฉพาะตำรายาจีนบอกไว้เท่านั้น คนไทยจำนวนมากก็มีประสบการณ์ใช้ประโยชน์จากอ้อยคล้ายๆ ชาวจีน ดังเช่น สมาชิกท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า “ ผมไปโค่นต้นไม้ แล้วมีอาการอ่อนเพลียและร้อนมาก ปัสสาวะขัด จิตใจก็ไม่ชุ่มชื่น หงุดหงิด โกรธง่าย ... ผมก็เคี้ยวกินอ้อยท่อนโคนต้นขนาดเท่าข้อมือยาวสัก ๑ ศอก กินน้ำอ้อยหวานอร่อยๆ และเพลิดเพลินดี รู้สึกว่าน้ำอ้อยทำให้ชุ่มในอก บำรุงหัวใจ อาการตึงเครียดและไม่สบายต่างๆหายไป ”
นอกจากนี้ ยังมีผู้คนมากมายบอกเล่าวิถีการดำเนินชีวิตเกี่ยวกับการกินอ้อย ใช้แก้อ่อนเพลีย เช่น “ หลังเล่นกีฬาหรือใช้แรงมากๆ เสียกำลังมาก มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร กินน้ำอ้อยคั้นแล้วมีแรงขึ้น กระชุ่มกระชวยขึ้น ” หรือ “ กินน้ำอ้อยสดทุกเช้า วันละ ๑ แก้ว ทำให้หายอ่อนเพลีย และเป็นยาอายุวัฒนะด้วย ”
วิธีกินแบบสดหรือคั้นน้ำกินแล้ว ยังใช้วิธีการต้มน้ำกินได้ด้วย เพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
“ นำอ้อยแดงมาผ่าซีกประมาณ ๓-๔ ซีก นำมาใส่หม้อ ต้มให้เดือดนาน ๑๕-๓๐ นาที กินน้ำยาวันละ ๓ ครั้งๆ ละ ๑ แก้ว กินประมาณ ๑ สัปดาห์ รู้สึกว่าหายจากอาการอ่อนเพลีย และมีกำลังวังชาดี ”
น้ำ อ้อย และอ้อย จึงเป็นสมุนไพรและเครื่องดื่มที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ อย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ร้านขายน้ำอ้อยสดๆ มีจำนวนไม่มากและไม่แพร่หลายนัก ยิ่งกว่านั้น เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยนิยมดื่มน้ำอ้อยกันนัก ทั้งๆ ที่น้ำอ้อยสดๆ ช่วยดับกระหาย คลายความอ่อนล้าได้ดี
และ ที่น่าเสียดายที่ร้านขายอ้อยควั่นแทบจะหาไม่ได้ในเขตเมือง จะพอเห็นบ้างก็ในบางพื้นที่ห่างไกล เพราะถ้ายังมีอ้อยควั่นขาย อากาศร้อนๆ เช่นนี้ นั่งเคี้ยวอ้อยหวานๆ นอกจากลดอุณหภูมิร้อนรุ่มแล้ว อ้อยควั่นที่เคี้ยวจนหมดหวานเหลือแต่ชานอ้อย หากยังเคี้ยวๆ ต่อไป ช่วยทำความสะอาดฟัน และบำรุงรักษาเหงือกด้วย
เหตุผล นี้ไม่ได้พูดลอยๆ เวลาพูดคุยกับหมอฟัน หมอฟันแนะนำอาหารที่บำรุงเหงือกและฟัน ก็มักจะยกอ้อยเป็นตัวอย่าง คนที่เคี้ยวอ้อยบ่อยๆ และสม่ำเสมอ ฟันฟางจะแข็งแรงสมบูรณ์ดี เพราะการที่ให้ฟันและเหงือกได้เคี้ยวอาหารหยาบๆ เช่น ผักและผลไม้ มีความสำคัญมาก เพราะอาหารเหล่านี้เมื่อถูกเคี้ยวจะช่วยทำความสะอาดฟันไปในตัว ตรงกันข้ามกับอาหารที่อ่อนนุ่ม เช่น ขนมเค้ก ขนมต่างๆ อาหารจำพวกนี้ เวลาเคี้ยวแทนที่จะช่วยทำความสะอาดฟัน กลับไปเกาะติดหนึบที่ฟัน ทำให้เกิดคราบสกปรกติดฟัน
ใน บรรดาอาหารที่ส่งเข้าประกวดเพื่อช่วยบำรุงเหงือกและฟัน ดูเหมือนอ้อยจะเข้าตากรรมการที่สุด เพราะเนื้ออ้อยมีความหยาบ แต่ก็ไม่แข็งกระด้างไปไม่อ่อนเกินไป จึงช่วยขัดฟัน ทำความสะอาดฟันได้ดี และยังมีรสหวานกินง่าย
แต่ผู้ อ่านอาจเถียงว่า อ้อยก็มีจุดอ่อน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณก็มีโทษ โทษของอ้อยก็อยู่ที่ความหวานนั่นเอง น้ำหวานของอ้อยเกาะติดฟันทำให้ฟันผุได้ ดังนั้นเราต้องรู้จักเคี้ยวอ้อยให้เป็น คือ อ้อยสองสามชิ้นสุดท้ายที่เรากิน ขอให้เคี้ยวให้นานๆ เคี้ยวจนหมดรสหวานหรือเคี้ยวจนยุ่ยไปเลย ชานอ้อยนั้นสามารถกลืนกินได้ การเคี้ยวแบบนี้เป็นการใช้ชานอ้อยช่วยล้างคราบน้ำหวานที่เกาะติดฟัน และหลังจากนั้นบ้วนปากทำความสะอาดฟัน ถ้าจะให้ดีก็ควรแปรงฟันเสียเลย ซึ่งตามปกติเรามักแปรงฟันหลังอาหารอยู่แล้ว ถ้าได้เคี้ยวอ้อยหลังอาหารสัก ๔-๕ ชิ้น ก่อนไปแปรงฟัน ก็กำจัดจุดอ่อนของอ้อยได้ และได้จุดดีที่ชานอ้อยช่วยบำรุงและทำความสะอาดเหงือกและฟัน
พูด ถึงจุดอ่อนของอ้อยแล้ว ขอขยายความข้อควรระวังในการกินอ้อยเป็นประจำว่า ในตำราจีนบอกว่า ถ้ากินอ้อยมากๆ และบ่อย เกินไป จะทำให้มีเสมหะมาก และถ้ากินมากเกินไป แทนทีจะช่วยคลายร้อน แก้ร้อนใน กลับไปทำให้เกิดร้อนใน เจ็บคอได้ หรือทำให้ท้องเสียได้ และสำหรับผู้เป็นเบาหวานซึ่งต้องดูแลปริมาณน้ำตาลในร่างกาย ต้องควบคุมปริมาณการกินอ้อยหรือน้ำอ้อยอย่างยิ่ง เพราะอ้อยมีน้ำตาลมาก
อัน ที่จริงประโยชน์หรือสรรพคุณของอ้อยไม่ได้กล่าวเฉพาะในตำราจีน ตามตำรายาไทยก็กล่าวถึงสรรพคุณของอ้อยไว้พอสมควร คือ มีสรรพคุณ แก้เสมหะ แก้หืด ไอ แก้นิ่ว ปัสสาวะพิการ แก้ตัวร้อน ดับพิษซาง ขับปัสสาวะ ช่วยทำให้มีกำลัง
credit by : www.thaihof.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น